เมื่อวันพุธที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาราคาเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบระหว่าง 31.330-30.779 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เช้านี้ราคาเปิดตลาดที่ 31.061 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ประกาศราคาครั้งที่ 1 ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น.
ราคารับซื้อ 34,600 บาท
ราคาขายออก 34,900 บาท
ตรวจสอบราคาแท่งเงิน 1 กิโลกรัม Real time คลิก
มุมมองด้านราคาให้แนวต้านที่ราคา 31.333 และ 31.537 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนแนวรับมองที่ราคา 30.759 และ 30.391 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.45% แตะที่ระดับ 106.681
ค่าเงินบาทเช้านี้อยู่ที่ 34.665 บาทต่อดอลลาร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.404%
ปัจจัยนักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 55.7% ต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน ธ.ค. ซึ่งลดลงจากที่ให้น้ำหนัก 82.5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เเละนักลงทุนยังมีความกังวลถึงสถานการณ์ที่รุนแรงมากขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน
โดยล่าสุดยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ "Storm Shadow" ซึ่งเป็นขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลที่ผลิตโดยอังกฤษนั้น เข้าไปในดินแดนรัสเซีย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่ยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เข้าไปในดินแดนรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศปรับเกณฑ์การใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อรับมือกับการโจมตีพรมแดนเป็นวงกว้าง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,408.47 จุด เพิ่มขึ้น 139.53 จุด หรือ +0.32% อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนลบ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ก่อนที่บริษัทอินวิเดีย (Nvidia) จะเปิดเผยผลประกอบการหลังตลาดปิดทำการ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัททาร์เก็ต (Target) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ