เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมามีเเรงเทขายกลับเข้ามากดให้ราคาร่วงลงจากจุดสูงสุดของวันที่ราคา 32.315 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลงมาอยู่ที่จุดต่ำสุดของวันที่ราคา 30.879 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เช้านี้ราคาเปิดตลาดที่ 31.000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ประกาศราคาครั้งที่ 1 ประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00 น.
ราคารับซื้อ 33,950 บาท
ราคาขายออก 34,250 บาท
ตรวจสอบราคาแท่งเงิน 1 กิโลกรัม Real time คลิก
มุมมองด้านราคาให้แนวต้านที่ราคา 31.439 และ 31.889 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนแนวรับมองที่ราคา 30.443 และ 30.039 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.23% แตะที่ระดับ 106.957
ค่าเงินบาทเช้านี้อยู่ที่ 34.019 บาทต่อดอลลาร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.320%
ปัจจัยนักลงทุนจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเฟดในวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในเดือน ม.ค.ปีหน้า รวมทั้งทิศทางนโยบายการเงินของเฟดในอนาคต
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 98% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. แต่นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ม.ค.ปีหน้า หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ออกมาเรียกร้องให้คณะกรรมการเฟดใช้ความระมัดระวังในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 3.0% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2566 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.6% หลังจากปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือน ต.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,914.12 จุด ลดลง 234.44 จุด หรือ -0.53% โดยตลาดถูกกดดันจากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงเกินคาด และจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร