เมื่อวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาราคาเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.063-31.232 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เช้านี้ราคาเปิดตลาดที่ 31.300 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ประกาศราคาครั้งที่ 1 ประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.01 น.
ราคารับซื้อ 34,500 บาท
ราคาขายออก 34,800 บาท
มุมมองด้านราคาให้แนวต้านที่ราคา 31.854 และ 32.155 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนแนวรับมองที่ราคา 30.825 และ 30.475 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.46% แตะที่ 104.995
ค่าเงินบาทเช้านี้อยู่ที่ 34.316 บาทต่อดอลลาร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.308%
ปัจจัยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) แต่ยังคงใช้มาตรการระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ขณะที่ชัยชนะของทรัมป์ทำให้เกิดคำถามว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ช้าลงและน้อยลงหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มที่ทรัมป์จะดำเนินนโยบายเก็บภาษีศุลกากร อย่างไรก็ตาม เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวว่า ผลการเลือกตั้งจะไม่มีผลกระทบในระยะใกล้ต่อนโยบายการเงิน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,988.99 จุด เพิ่มขึ้น 259.65 จุด หรือ +0.59% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์เป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในรอบ 1 ปีหลังจากพุ่งทะลุระดับ 6,000 จุดได้ในระยะสั้น
โดยตลาดได้แรงหนุนจากชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และความเป็นไปได้ที่พรรครีพับลิกันจะได้ครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสนั้นได้เพิ่มความหวังเกี่ยวกับการออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจ