สาเหตุที่แท่งเงิน 1 กิโลกรัม ราคายังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หากคุณลงทุนใน แท่งเงิน 1 กิโลกรัมของ Bowins Silver เมื่อ 5 ปีที่แล้ว อ้างอิงจากวันที่ดังนี้
เริ่มซื้อเมื่อ วันที่ 22 พฤษภาคม 2020 ราคาเงินอยู่ที่ Silver Spot 17.21 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มูลค่าเท่ากับ 18,300 บาท

เทียบกับราคาปัจจุบัน เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2025 Silver Spot พุ่งแตะ 36.07 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ 37,900 บาท

ซึ่งให้ผลตอบแทน +107% ภายในระยะเวลา 5 ปี เพราะอะไรทำให้ราคาของซิลเวอร์พุ่งสูงขึ้นได้แบบนี้ บทความนี้มีคำคอบ

แท่งเงิน 1 กิโลกรัม เป็นสินทรัพย์ที่เงียบ แต่ให้ผลตอบแทนเทียบเท่าหุ้น

หลายคนมองว่าแท่งเงิน 1 กิโลกรัมเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงที่น่าเบื่อ แต่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ถูกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สินทรัพย์นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่หลบภัย แต่มันคือ “สินทรัพย์เติบโต” เพราะซิลเวอร์คือสินทรัพย์แบบลูกผสม หมายถึง สามารถลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าได้ในรูปแบบของแท่งเงิน 1 กิโลกรัมได้ และอีกรูปแบบหนึ่ง ซิลเวอร์ คือหัวใจสำคัญในอุตสาหกรรม

ปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาแท่งเงินพุ่งสูงขึ้นในปัจจุบัน

ความต้องการในอุตสาหกรรมเติบโตอย่างรวดเร็วมากกว่า 50% ของความต้องการซิลเวอร์ทั่วโลก มาจากภาคอุตสาหกรรม ดังต่อไปนี้

1.อุตสาหกรรมแผงโซลาร์เซลล์

ใช้ซิลเวอร์ 15–20 กรัมต่อแผง ในปี 2024 มีการติดตั้งแผงโซลาเซลล์มากถึง 250 GW และในปี 2025 คาดการณ์ว่าจะมีการติดตั้งเพิ่มถึง 300 GW

2.อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

ใช้ซิลเวอร์ 25–50 กรัมต่อคัน ซึ่งในปี 2025 คาดการณ์ยอดขายแตะ 17 ล้านคันทั่วโลก

3.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์-เซมิคอนดักเตอร์

ซิลเวอร์มีคุณสมบัติของการนำไฟฟ้าสูงที่สุด จึงทำให้อุตสาหกรรมนี้ไม่สามารถปฎิเสธซิลเวอร์ได้เลย

นโยบายการเงิน & เงินเฟ้อ

ระหว่างปี 2020–2022 ธนาคารกลางสหรัฐฯ พิมพ์เงินกว่า $4 ล้านล้าน นักลงทุนจึงหันไปหา สินทรัพย์ที่จับต้องได้ อย่างทองคำและซิลเวอร์ ซิลเวอร์จึงถูกมองว่าเป็นทองคำของคนธรรมดาที่เข้าถึงง่าย แถมยังมีโอกาสเติบโต

อุปทานตึงตัว & ขาดแคลนต่อเนื่อง

ในปี 2024 เป็นปีที่ซิลเวอร์ขาดแคลนอย่างหนักเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน (ขาดกว่า 100 ล้านออนซ์) ที่สำคัญซิลเวอร์ไม่ได้ถูกขุดแบบเฉพาะทางเหมือนทอง แม้ราคาจะพุ่งสูงขึ้น แต่การผลิตซิลเวอร์ก็ไม่สามารถเร่งเพิ่มได้เหมือนโลหะอื่น ๆ ได้ เพราะซิลเวอร์ส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกขุดตรง ๆ แต่เป็นผลพลอยได้จากการขุดแร่ทองแดงหรือสังกะสี

ซิลเวอร์ vs. หุ้น ตัวช่วยกระจายความเสี่ยงที่แท้จริง

ราคาของซิลเวอร์ไม่เดินตามหุ้น แต่ในหลายครั้งราคาวิ่งสวนทางในยามวิกฤต ซิลเวอร์ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตถือซิลเวอร์ ไม่ใช่เพื่อแทนหุ้น แต่เพื่อเสริมสมดุลให้แผนการเงินของคุณ

ในอนาคตราคาของแท่งเงิน 1 กิโลกรัมยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากประเด็นดังต่อไปนี้
- ดีมานด์อุตสาหกรรมยังโต
- โซลาร์เซลล์ ปี 2025 คาดติดตั้งทั่วโลก 300+ GW
- EV: ปี 2025 ใช้เงิน 27 ล้านออนซ์จากรถเพียงอย่างเดียว
- AI, 5G, อุปกรณ์แพทย์ขั้นสูง เงินคือหัวใจของเทคโนโลยีเหล่านี้

Gold-Silver Ratio ยังชี้ว่าซิลเวอร์ราคาต่ำกว่าความเป็นจริง

ในปี 2020 Gold-Silver Ratio เคยพุ่งถึง 120:1 (ทอง 1 ออนซ์ แลกได้ 120 ออนซ์เงิน) ในปัจจุบันอยู่ที่ 90:1 ซึ่งยังถือว่าซิลเวอร์น่าสะสม

เหมืองเกิดใหม่ชะลอตัว 

การผลิตซิลเวอร์ในปัจจุบันยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทำให้ซิลเวอร์ยังขาดแคลนต่อเนื่อง และอัตราการเกิดเหมืองใหม่ยังเติบโตช้า

ความไม่แน่นอนทั่วโลกยังสูง

ทั้งเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ภูมิรัฐศาสตร์ และสงคราม ทำให้ซิลเวอร์ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยทางการเงิน และผู้คนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสนใจ เชื่อมัน และกลับมาถือครองสินทรัพย์แท่งเงิน 1 กิโลกรัมมากขึ้น

สรุป

หากคุณเริ่มซื้อแท่งเงิน 1 กิโลกรัมตั้งแต่ปี 2020 ในวันนี้คุณจะได้ผลตอบแทน้กือบ ๆ 107%  และแนวโน้มยังดูสดใส แท่งเงินไม่ได้เป็นแค่อดีต แต่มันอาจเป็นอนาคตที่ดีกว่า

เริ่มทีละนิด สะสมต่อเนื่อง คิดระยะยาว
ก้าวแรก คือสิ่งที่สำคัญที่สุด และคุณสามารถเริ่มได้เลยตอนนี้

อ้างอิงข้อมูลจาก

GoldSilver.com และ Silver Institute