เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา ราคาพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 4 เดือน ที่ 32.700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะมีเเรงเทขายกลับเข้ามากดให้ราคาร่วงลงกลับมาอยู่ที่บริเวณ 31.744 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เช้านี้ราคาเปิดตลาดที่ 31.729 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ประกาศราคาครั้งที่ 1 ประจำวันที่ 27 กันยายน 2567 เวลา 09.01 น.
ราคารับซื้อ 33,200 บาท
ราคาขายออก 33,500 บาท
ติดตามราคา แท่งเงิน 1 กิโลกรัม ได้ที่นี้ คลิกเลย
มุมมองด้านราคาให้แนวต้านที่ราคา 32.284 และ 32.700 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนแนวรับมองที่ราคา 31.557 และ 31.100 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐลดลง 0.39% แตะที่ระดับ 100.522
ค่าเงินบาทเช้านี้อยู่ที่ 32.458 บาทต่อดอลลาร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 3.792%
ปัจจัยนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐฯ ในวันนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
โดยเครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 62.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 38.8% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,175.11 จุด เพิ่มขึ้น 260.36 จุด หรือ +0.62% โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ส่วน
ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ และข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ