เมื่อวันอังคารที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา มีเเรงเทขายเข้ามาในปริมาณมากกดให้ราคาร่วงลงจากจุดสูงสุดของวันที่ราคา 31.779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลงมาอยู่ที่จุดต่ำสุดของวันที่ 30.118 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เช้านี้ราคาเปิดตลาดที่ 30.600 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ประกาศราคาครั้งที่ 1 ประจำวันที่ 9 ตุลาคม 2567 เวลา 09.02 น.
ราคารับซื้อ 32,900 บาท
ราคาขายออก 33,200 บาท
ติดตามราคา แท่งเงิน 1 กิโลกรัม ได้ที่นี้ คลิกเลย
มุมมองด้านราคาให้แนวต้านที่ราคา 30.869 และ 31.300 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนแนวรับมองที่ราคา 30.126 และ 29.700 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 0.01% แตะที่ระดับ 102.549
ค่าเงินบาทเช้านี้อยู่ที่ 33.480 บาทต่อดอลลาร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.006%
ปัจจัยนักลงทุนลดความคาดหวังที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงเกินคาด
โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 87% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ย. และให้น้ำหนัก 13.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 0.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เเละนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนส.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานจะปรับตัวขึ้น 3.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 3.2% เช่นกันในเดือนส.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,080.37 จุด เพิ่มขึ้น 126.13 จุด หรือ +0.30% โดยได้ปัจจัยบวกจากการชะลอตัวของราคาน้ำมันและแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2567 ของบริษัทจดทะเบียน