เมื่อวันพุธที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีเเรงเทขายกลับเข้ามากดให้ราคาร่วงลงจากจุดสูงสุดของวันที่ราคา 34.520 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลงมาอยู่จุดต่ำสุดของวันที่ราคา 33.408 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เช้านี้ราคาเปิดตลาดที่ 33.745 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ประกาศราคาครั้งที่ 1 ประจำวันที่ 31 ตุลาคม 2567 เวลา 09.01 น.
ราคารับซื้อ 36,700 บาท
ราคาขายออก 37,000 บาท
ติดตามราคา แท่งเงิน 1 กิโลกรัม ได้ที่นี้ คลิกเลย
มุมมองด้านราคาให้แนวต้านที่ราคา 34.200 และ 34.521 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนแนวรับมองที่ราคา 33.402 และ 33.077 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง 0.31% แตะที่ระดับ 103.993
ค่าเงินบาทเช้านี้อยู่ที่ 33.813 บาทต่อดอลลาร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.288%
ปัจจัยนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือน ก.ย.ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เวลาประมาณ 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้ความสำคัญ
เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภคและครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ส่วนในวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ต.ค.
โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 111,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือนต.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,141.54 จุด ลดลง 91.51 จุด หรือ -0.22%
ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบเช่นกัน โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทผลิตชิป ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ (Microsoft) และเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms)