เมื่อวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีเเรงเทขายกลับเข้ามากดให้ราคาร่วงลงจากจุดสูงสุดของวันที่ราคา 30.705 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลงมาอยู่ที่จุดต่ำสุดของวันที่ราคา 29.964 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เช้านี้ราคาเปิดตลาดที่ 29.848 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ประกาศราคาครั้งที่ 1 ประจำวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น.
ราคารับซื้อ 33,200 บาท
ราคาขายออก 33,500 บาท
ตรวจสอบราคาแท่งเงิน 1 กิโลกรัม Real time คลิก
มุมมองด้านราคาให้แนวต้านที่ราคา 30.100 และ 30.300 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนแนวรับมองที่ราคา 29.630 และ 29.300 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง 0.86% แตะที่ 106.084
ค่าเงินบาทเช้านี้อยู่ที่ 34.520 บาทต่อดอลลาร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.261%
ปัจจัยนักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอาจทำให้เฟดชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งแม้ว่าสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ก็ปรับตัวขึ้นมากกว่าในเดือน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 2.1%
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งแม้ว่าสอดคล้องกับการคาดการณ์ แต่ก็ปรับตัวขึ้นมากกว่าในเดือน ก.ย. ที่เพิ่มขึ้น 2.7%
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า แม้นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. แต่ก็คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนม.ค.และเดือนมี.ค.ปีหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,722.06 จุด ลดลง 138.25 จุด หรือ -0.31% ส่วนดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง