เมื่อวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีเเรงเทขายเข้ามากดให้ราคาร่วงลงจากจุดสูงสุดของวันที่ราคา 31.561 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลงมาอยู่ที่จุดต่ำสุดของวันที่ราคา 30.414 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เช้านี้ราคาเปิดตลาดที่ 30.672 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ประกาศราคาครั้งที่ 1 ประจำวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น.
ราคารับซื้อ 34,250 บาท
ราคาขายออก 34,550 บาท
มุมมองด้านราคาให้แนวต้านที่ราคา 31.181 และ 31.558 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนแนวรับมองที่ราคา 30.200 และ 30.000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.52% แตะระดับ 105.544
ค่าเงินบาทเช้านี้อยู่ที่ 34.741 บาทต่อดอลลาร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.334%
ปัจจัยนักลงทุนจับตาเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในงานเสวนาที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. เวลา 15.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. เวลา 03.00 น.ตามเวลาไทย
นอกจากนี้นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 65% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับที่ให้น้ำหนัก 80% ก่อนที่ทรัมป์จะชนะการเลือกตั้ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,293.13 จุด เพิ่มขึ้น 304.14 จุด หรือ +0.69% เนื่องจากตลาดยังคงขานรับชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)