เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมามีเเรงซื้อกลับเข้ามาติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ดันให้ราคาพุ่งขึ้นจากจุดต่ำสุดของวันที่ราคา 30.800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขึ้นมาอยู่ที่จุดสูงสุดของวันที่ราคา 31.726 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เช้านี้ราคาเปิดตลาดที่ 31.428 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ประกาศราคาครั้งที่ 1 ประจำวันที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 08.58 น.
ราคารับซื้อ 34,000 บาท
ราคาขายออก 34,300 บาท
ตรวจสอบราคาแท่งเงิน 1 กิโลกรัม Real time คลิก
มุมมองด้านราคาให้แนวต้านที่ราคา 31.722 และ 31.900 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนแนวรับมองที่ราคา 31.100 และ 30.900 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐลดลง 0.2% แตะที่ระดับ 107.797
ค่าเงินบาทเช้านี้อยู่ที่ 33.6925 บาทต่อดอลลาร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.529%
ปัจจัยนักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE จะปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนพ.ย. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.8% เช่นกันในเดือนพ.ย. ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,882.13 จุด เพิ่มขึ้น 168.61 จุด หรือ +0.38% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวกเช่นนี้ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) และเทสลา (Tesla) อย่างไรก็ดี ตลาดลดช่วงบวกหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.