เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาราคาเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบระหว่าง 31.700-32.088 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เช้านี้ราคาเปิดตลาดที่ 32.054 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ประกาศราคาครั้งที่ 1 ประจำวันที่ 11 ธันวาคม 2567 เวลา 09.01 น.
ราคารับซื้อ 34,700 บาท
ราคาขายออก 35,000 บาท
ตรวจสอบราคาแท่งเงิน 1 กิโลกรัม Real time คลิก
มุมมองด้านราคาให้แนวต้านที่ราคา 32.272 และ 32.600 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนแนวรับมองที่ราคา 31.541 และ 31.300 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.24% แตะที่ระดับ 106.400
ค่าเงินบาทเช้านี้อยู่ที่ 33.716 บาทต่อดอลลาร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.230%
ปัจจัยนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางอีกหลายแห่งในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางแคนาดา, ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อประเมินแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 86% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค.
ทางการสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยดัชนี CPI ในวันนี้ เวลาประมาณ 20.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนต.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนต.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,247.83 จุด ลดลง 154.10 จุด หรือ -0.35% เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมสัปดาห์หน้า