เชียงราย…ดินแดนแห่งวัฒนธรรมเครื่องประดับเงินชนเผ่า

เชียงรายเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่สุดเขตแดนทางภาคเหนือของประเทศไทยภูมิประเทศส่วนใหญ่รายล้อมไปด้วยภูเขาสูงและยังเป็นดินแดนที่มีประชากรชาวเขาหลากเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ ทั้งชาวอาข่า ชาวม้ง ชาวเย้าและชาวไทยลื้อ ซึ่งตามปกติแล้ววิถีชีวิตของชาวเขามักอาศัยอยู่รวมกันเป็นชุมชนและยึดการทำเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก แต่ก็มีบางเผ่าพันธุ์อย่างชาวเขาเผ่าอาข่าและเผ่าเย้า (เผ่าเมี่ยน) ที่นำเอาภูมิปัญญาการทำเครื่องประดับเงินออกมาใช้สร้างรายได้จนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง . ความเป็นมาของการทำเครื่องประดับเงินชนเผ่าในจังหวัดเชียงราย

:: เครื่องประดับเงินของชนเผ่าอาข่า :: ชาวเขาเผ่าอาข่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีจำนวนมากที่สุดในจังหวัดเชียงราย โดยแต่เดิมมีถิ่นอาศัยอยู่ทางบริเวณตอนใต้ของประเทศจีนในแถบมณฑลยูนนาน ต่อมาได้อพยพหนีความวุ่นวายทางการเมืองเข้ามาตั้งรกรากอยู่บริเวณตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน ปัจจุบันพบว่ามีชาวอาข่าอาศัยอยู่รวมกันในชุมชนกว่า 65 ครัวเรือน โดยทั่วไปชาวอาข่ามักทำเกษตรกรรมดังเช่นชาวเขาเผ่าอื่นๆ แต่ด้วยความเจริญของวัฒนธรรมชนเผ่าที่นิยมและให้ความสำคัญกับการสวมใส่เครื่องประดับเงิน จึงก่อให้เกิดการถ่ายทอดทางภูมิปัญญาในการผลิตเครื่องประดับเงินจากรุ่นสู่รุ่น จนปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนได้เป็นอย่างดี

:: เครื่องประดับเงินของชนเผ่าเย้า :: ถึงแม้ว่าบ้านขุนแม่บง ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลโชคชัย อำเภอดอยหลวงจะค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากแหล่งความเจริญของจังหวัดเชียงรายและมีจำนวนผู้อยู่อาศัยไม่มากเท่าใดนัก หากแต่ชาวเขาเผ่าเย้า (เผ่าเมี่ยน) ที่อาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ก็อยู่กันอย่างสามัคคีและเต็มไปด้วยความสุข ตามปกติแล้วชาวบ้านส่วนใหญ่ยึดอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักเหมือนดังเช่นชาวเขาทั่วไป แต่เมื่อ 18 ปีที่แล้ว เคยมีคนในชุมชนออกไปรับจ้างในต่างถิ่นจึงได้นำเอาองค์ความรู้การทำเครื่องประดับเงินกลับเข้ามาสอนคนในชุมชนพร้อมทั้งจัดตั้ง “กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์เครื่องเงินครบวงจร” ผลิตเครื่องประดับเงินออกวางจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่คนในชุมชนด้วย ปัจจุบันกลุ่มนี้ยังคงดำเนินกิจการอยู่และมีสมาชิกรวมประมาณ 25 ราย เอกลักษณ์เครื่องประดับเงินชนเผ่าของจังหวัดเชียงราย

ชาวอาข่าให้ความสำคัญกับการสวมใส่และครอบครองเครื่องประดับเงินเป็นอย่างมากตามปกตินิยมแต่งกายด้วยผ้าพื้นเมืองและนำเครื่องเงินมาสวมใส่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ตามวัฒนธรรมของชาวอาข่าถือว่าเครื่องเงินเป็นของมีค่าสามารถใช้บอกฐานะความเป็นอยู่ได้ ถ้าบ้านใดมีเครื่องเงินไว้ในครอบครองมาก ลูกสาวของบ้านนั้นจะเป็นที่หมายปองและดึงดูดให้มีคนเข้ามาสู่ขอไปแต่งงาน การผลิตเครื่องประดับเงินของชาวอาข่าเป็นการผลิตในครัวเรือน ชิ้นงานส่วนใหญ่ทำด้วยมือเกือบทุกขั้นตอน ปัจจุบันใช้เครื่องจักรแค่เพียงขั้นตอนของการรีดเนื้อเงินให้เป็นแผ่นเท่านั้น ส่วนเอกลักษณ์ทางรูปแบบนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตที่ผูกพันอยู่กับธรรมชาติ อัตลักษณ์ทางลวดลายที่ปรากฏอยู่บนชิ้นงานจึงมักเป็นสิ่งรอบตัวทั่วไปอันเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต แต่แฝงไปด้วยความหมายโดยนัยที่เป็นพลังเชิงบวกแก่ผู้สวมใส่ อาทิ ลายปลา สื่อถึงความมั่งมีและอุดมสมบูรณ์ลายผีเสื้อ สื่อถึงความงดงามและอุดมสมบูรณ์ลายดอกเบญจมาศ สื่อถึงความมีชีวิตชีวาและความเจริญรุ่งเรืองหรือการทำภู่เงินห้อยระย้าอันสื่อถึงความมีชื่อเสียงและความดีงาม เนื่องจากเป็นวัตถุที่เมื่อกระทบกันแล้วจะเกิดเป็นเสียงดังอันไพเราะนอกจากนี้ ยังมีการทำเครื่องเงินในลักษณะของกระดุม ลูกกระพรวน และลูกปัดเพื่อใช้ตกแต่งลงบนผ้าพื้นเมืองโดยเฉพาะด้วย สำหรับชนเผ่าเย้า (เมี่ยน) แห่งบ้านขุนแม่บง มีการผลิตเครื่องประดับเงินโดยนิยมขัดพื้นผิวของโลหะให้มีความมันวาว ส่วนใหญ่มักทำเป็นสร้อยคอ กระดุมเสื้อ และเครื่องประดับเงินที่มีลักษณะเป็นแผงมีพู่ห้อยเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมการแต่งกายของชนเผ่า รวมทั้งมีการผลิตสร้อยข้อมือ และต่างหูที่เน้นลวดลายทางธรรมชาติเกี่ยวกับดอกไม้และใบไม้ด้วย เป็นต้น สภาพการค้าในปัจจุบัน

ปัจจุบันนอกจากชาวอาข่าจะนิยมผลิตเครื่องประดับเงินมาไว้ใช้สอยเองหรือซื้อขายแลกเปลี่ยนกันในชุมชนแล้วยังมีการจำหน่ายผ่านหน้าร้านขายของที่ระลึกของชุมชนซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นจุดแวะซื้อของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ขณะที่เครื่องเงินจากบ้านขุนแม่บงก็มีหน้าร้านในลักษณะเดียวกัน โดยตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกับศูนย์แปรรูปผลิตภัณฑ์เครื่องเงินครบวงจร ทั้งนี้ แม้ว่าการค้าเครื่องประดับเงินชนเผ่าในท้องถิ่นจะช่วยให้คนในชุมชนเกิดรายได้เพิ่มขึ้นแต่บรรยากาศการค้าในภาพรวมก็ไม่ได้คึกคักจนทำให้เกิดรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ เนื่องจากทั้งบริเวณชุมชนของชนเผ่าอาข่าและบ้านขุนแม่บงของชนเผ่าเย้า (เมี่ยน) เป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลและยังไม่เป็นที่รู้จักในคนหมู่กว้าง ทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาค่อนข้างน้อย อีกทั้งในส่วนของผู้ประกอบการเองก็ไม่นิยมนำสินค้าออกไปจำหน่ายยังต่างถิ่นเนื่องจากมองว่ามีต้นทุนในการขนส่งค่อนข้างสูงจึงทำให้ช่องทางการค้าอยู่ในวงจำกัดและเข้าถึงผู้บริโภคได้ไม่มาก นอกจากนี้ แม้เครื่องประดับชนเผ่าจะมีรูปแบบที่สวยงามและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชนเผ่า แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ จึงอาจยังไม่ดึงดูดผู้บริโภคภายนอกเท่าใดนัก

.

ที่มา : ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *